บริการระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ในคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ

ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) คืออะไร ?

ระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System: WMS) เป็นโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมและจัดการการดำเนินงานในคลังสินค้า ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดเก็บ การเบิกจ่าย การเคลื่อนย้ายภายในคลังสินค้า ไปจนถึงการจัดส่ง ดังนั้น WMS จึงช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็ว

การใช้ระบบคลังสินค้าออนไลน์ในธุรกิจมีข้อดีอย่างไร

1. ลดต้นทุนคงที่และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ช่วยเปลี่ยนค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าคลังและเงินเดือนพนักงาน เป็นต้นทุนผันแปรตามการใช้งานจริง ไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์และบุคลากรเอง ทำให้ควบคุมงบประมาณได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ประหยัดเวลา ให้คุณโฟกัสกับการเติบโตของธุรกิจ

ลดภาระงานด้านการจัดการสต๊อก แพ็ก และส่งของ ทำให้เจ้าของธุรกิจมีเวลามากขึ้นในการวางแผนการตลาด พัฒนาสินค้า และดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างยอดขายและการเติบโต

3. เพิ่มความแม่นยำและสร้างความประทับใจให้ลูกค้า

ด้วยการทำงานที่เป็นระบบและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยลดความผิดพลาดในการหยิบและจัดส่งสินค้า ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ถูกต้องและรวดเร็ว จึงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ดี

ฟีเจอร์สำคัญของระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ (WMS)

การรับสินค้าและการจัดเก็บ

บันทึกการรับสินค้าและกำหนดตำแหน่งจัดเก็บที่เหมาะสม

การเบิกจ่ายสินค้า

จัดการคำสั่งเบิกสินค้าและกำหนดเส้นทางการหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการจัดการ FIFO / FEFO

การจัดการสินค้าคงคลัง

ติดตามระดับสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนเมื่อต้องเติมสต็อก

การจัดการพื้นที่คลัง

วิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่คลังสินค้า

การรายงานและวิเคราะห์

สร้างรายงานอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจ

ฟีเจอร์สำคัญของระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ (WMS)

การรับสินค้าและการจัดเก็บ

บันทึกการรับสินค้าและกำหนดตำแหน่งจัดเก็บที่เหมาะสม

การเบิกจ่ายสินค้า

จัดการคำสั่งเบิกสินค้าและกำหนดเส้นทางการหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการจัดการ FIFO / FEFO

การจัดการสินค้าคงคลัง

ติดตามระดับสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนเมื่อต้องเติมสต็อก

การจัดการพื้นที่คลัง

วิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่คลังสินค้า

การรายงานและวิเคราะห์

สร้างรายงานอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อการตัดสินใจ

ทำไมต้องใช้บริการระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) จาก Scale Up

ในยุคที่การค้าออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว การจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจไม่น้อยไปกว่าการจัดการออร์เดอร์ โดยระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) จาก Scale Up ช่วยธุรกิจได้ดังนี้

1. เพิ่มความแม่นยำในการจัดการสต็อก

เพิ่มความแม่นยำในการจัดการสต๊อก

โปรแกรมบริหารคลังสินค้า จาก Scale Up ใช้เทคโนโลยีการติดตามสินค้าแบบเรียลไทม์  WMS จึงทราบตำแหน่งและปริมาณสินค้าอย่างแม่นยำ ทำให้ง่ายต่อการค้นหาและจัดการสินค้า ซึ่งลดปัญหาสินค้าขาดหรือเกินสต็อก รวมถึงช่วยวางแผนการสั่งซื้อสินค้าใหม่เพื่อเติมสต็อกได้อัตโนมัติโดยคำนวณจากยอดขาย ระยะเวลาในการสั่งซื้อ และปริมาณสินค้าคงเหลือขั้นต่ำที่กำหนดไว้

2. ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

ระบบช่วยจัดระเบียบและเพิ่มความเร็วในการค้นหาสินค้า ลดเวลาและแรงงานในการดำเนินงาน เพราะมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้เพื่อวางแผนการจัดเก็บและการเบิกจ่ายสินค้า อีกทั้งระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์จาก Scale Up ยังสามารถจัดลำดับงานและมอบหมายงานให้แก่พนักงานแต่ละคนผ่านอุปกรณ์มือถือได้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยลดเวลาในการเดินทางภายในคลัง และเพิ่มผลิตภาพที่ชี้วัดความสำเร็จในการทำงานของพนักงาน

3. ลดต้นทุนการดำเนินงาน

ลดต้นทุนการดำเนินงาน

ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และทรัพยากร ระบบ WMS จาก Scale Up ช่วยลดต้นทุนการจัดเก็บและการดำเนินงานได้ เพราะจะช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน เช่น การหยิบสินค้าผิด หรือการจัดส่งผิดที่อยู่ รวมถึงประหยัดงบประมาณที่ต้องใช้ไปกับการแก้ไขปัญหาในการจัดการคลังสินค้าที่ผิดพลาด ซึ่งรวมถึงลดต้นทุนแรงงานและลดความจำเป็นในการทำงานล่วงเวลาด้วย

4. รักษาคุณภาพของสินค้าได้อย่างเหมาะสม

รักษาคุณภาพของสินค้าได้อย่างเหมาะสม

ช่วยรักษาคุณภาพสินค้าด้วยการจัดเก็บอย่างเหมาะสมตามมาตรฐาน ควบคุมอายุสินค้า (FEFO) และจัดการพื้นที่จัดเก็บอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งเรามีคลังสินค้าพร้อมให้บริการ

5. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

เพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้าด้วยการจัดการสต๊อกที่แม่นยำและการดำเนินงานที่รวดเร็ว ทำให้ธุรกิจจัดส่งสินค้าได้ถูกต้องและตรงเวลา สร้างประสบการณ์ที่ดีและเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำ

6. รองรับการเติบโตของธุรกิจ

รองรับการเติบโตของธุรกิจ

ระบบ WMS ของเรารองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต สามารถปรับขนาดเพื่อรองรับปริมาณสินค้าและออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายช่องทางการขายใหม่ ๆ ได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบ

WMS และ OMS : คู่หูสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์

ในขณะที่ระบบจัดการออร์เดอร์ (OMS) มุ่งเน้นการจัดการกระบวนการสั่งซื้อ ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) เน้นการจัดการภายในคลังสินค้า ทั้งสองระบบมีความสำคัญไม่แพ้กันและควรใช้ควบคู่กันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

การทำงานร่วมกันของโปรแกรมบริหารคลังสินค้า (WMS) และระบบจัดการออร์เดอร์ (OMS)

  1. การรับออร์เดอร์ : ระบบ OMS จะรับคำสั่งซื้อและส่งข้อมูลไปยังระบบ WMS
  2. การตรวจสอบสต็อก : ระบบ WMS ยืนยันความพร้อมของสินค้าและแจ้งกลับไปยังระบบ OMS
  3. การจัดเตรียมสินค้า : ระบบ WMS จัดการขั้นตอนการหยิบสินค้าและเตรียมการจัดส่ง
  4. การอัปเดตสถานะ : ระบบ WMS แจ้งสถานะการจัดเตรียมสินค้าให้ OMS เพื่อแจ้งลูกค้า

การใช้ WMS และ OMS ร่วมกันช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการทุกขั้นตอนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับออร์เดอร์จนถึงการจัดส่งได้อย่างไร้รอยต่อ เพิ่มความเร็วในการดำเนินงาน ลดข้อผิดพลาด และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ไม่เพียงแต่ช่วยจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับการดำเนินธุรกิจของคุณ ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกของการค้าออนไลน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วย WMS ที่ทันสมัยและยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับ OMS ธุรกิจของคุณจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายในอนาคต

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คลังสินค้าออนไลน์แตกต่างจากคลังสินค้าทั่วไปอย่างไร

คลังสินค้าออนไลน์เน้นบริการครบวงจรที่เชื่อมต่อกับการขาย E-Commerce โดยเฉพาะ ตั้งแต่การจัดเก็บ แพ็ก และจัดส่ง พร้อมระบบจัดการออเดอร์ ขณะที่คลังสินค้าทั่วไปเน้นเพียงการให้เช่าพื้นที่เพื่อจัดเก็บสินค้าในระยะยาวเป็นหลัก

เหมาะสำหรับธุรกิจ E-Commerce SME และร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการลดภาระงานหลังบ้าน ธุรกิจที่มียอดสั่งซื้อเติบโตอย่างรวดเร็ว และแบรนด์ที่ต้องการขยายช่องทางการขายโดยไม่ต้องลงทุนสร้างคลังสินค้าเอง

เพราะช่วยลดต้นทุน ลดเวลาทำงาน และลดข้อผิดพลาดในการจัดการออเดอร์ ทำให้เจ้าของธุรกิจมีเวลาไปโฟกัสกับการตลาดและการขายได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการจัดส่งที่รวดเร็วและแม่นยำ

คลังสินค้าออนไลน์ให้บริการแบบครบวงจรสำหรับผู้ค้ารายย่อย (B2C) ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้ามักเน้นการเคลื่อนย้ายและกระจายสินค้าจำนวนมากไปยังร้านค้าปลีกหรือสาขาต่าง ๆ (B2B) โดยเน้นความเร็วในการหมุนเวียนสินค้าเป็นหลัก

FB Icon line Icon
Go to Top
th
th