ไม่ว่าใครก็คงใฝ่ฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีแพลตฟอร์มขายของออนไลน์มากมาย ไม่ว่าใครก็เข้าถึงการซื้อขายได้อย่างสะดวก ง่ายดาย รวดเร็ว โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน เพียงแค่มีสินค้า อินเทอร์เน็ต และสมาร์ตโฟน ก็สามารถเริ่มต้นขายของออนไลน์เพื่อสร้างธุรกิจของตัวเองได้แล้ว แต่การจะประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ จำเป็นต้องวางแผนและเตรียมตัวเป็นอย่างดี วันนี้ Scale Up Fulfilment มีแนวทางเริ่มต้นดี ๆ พร้อมเคล็ดลับมาฝากกัน
อยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ ต้องเตรียมตัวอย่างไร

การเริ่มต้นขายของออนไลน์อาจดูเป็นเรื่องท้าทายสำหรับมือใหม่ แต่หากมีการวางแผนที่ดีและการเตรียมพร้อมในทุกด้าน ก็สามารถสร้างธุรกิจออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จได้ โดยมีขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
1. หาสินค้าที่ใช่ จากแหล่งที่คุ้มค่า
ในการเริ่มต้นขายของออนไลน์ จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกสินค้าที่ใช่ ซึ่งนอกจากจะต้องเป็นสินค้าที่คุณมีความชื่นชอบและมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน เพื่อตอบคำถามลูกค้าและให้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องเป็นสินค้าที่มีความต้องการในตลาดอีกด้วย การศึกษาเทรนด์ตลาด ความต้องการของผู้บริโภค และคู่แข่งในตลาด จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าสินค้าชนิดใดจะขายดีและมีโอกาสเติบโตในอนาคต ซึ่งเมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว ต้องหาแหล่งสินค้าที่มีคุณภาพดีและราคาสมเหตุสมผล เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และสร้างยอดขายได้ในระยะยาว
2. พิจารณาชื่อร้าน ให้จดจำง่าย เป็นเอกลักษณ์
ชื่อร้าน เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างการจดจำให้แก่ลูกค้าเมื่อเริ่มต้นขายของออนไลน์ จึงควรตั้งชื่อที่สื่อถึงตัวตนของร้านค้าและจดจำง่าย เช่น ชื่อที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย หรือชื่อที่สื่อถึงประเภทสินค้าและกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเกิดการจดจำและสามารถรู้หรือเดาได้ทันทีว่า ชื่อร้านอ่านว่าอะไร หรือขายสินค้าประเภทไหน โดยมีเคล็ดลับ ดังนี้
- ตรวจสอบความซ้ำซ้อน เพื่อให้แน่ใจว่าชื่อร้านที่เลือกไว้ยังไม่เคยมีใครใช้มาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย
- สร้างความแตกต่าง ทำให้ชื่อร้านโดดเด่นและเป็นที่จดจำ เช่น การใช้คำเล่นคำ หรือการใช้ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์
- นำมาใช้เป็นชื่อทางออนไลน์ได้ โดยตรวจสอบว่าสามารถใช้เป็นชื่อโดเมนเว็บไซต์และชื่อบัญชีบนโซเชียลมีเดียได้
3. เลือกช่องทางการขาย
การเลือกช่องทางการขายที่เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญในการเริ่มต้นขายของออนไลน์ จึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มช่องทางการขายออนไลน์ต่าง ๆ โดยเปรียบเทียบข้อดี ข้อจำกัด ค่าธรรมเนียม และกลุ่มเป้าหมายของแต่ละช่องทางให้ดี ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Shopee, Lazada หรือ LINE Shopping จากนั้นจึงเลือกช่องทางที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับสินค้ามากที่สุด โดยอาจลองขายสินค้าหลายช่องทางเพื่อกระจายความเสี่ยง เข้าถึงลูกค้าที่หลากหลาย เพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้น แต่หากต้องการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่สามารถควบคุมการขายได้อย่างเต็มที่

4. เตรียมสินค้าและรูปภาพ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ การนำเสนอรูปสินค้าให้ดูน่าสนใจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่หลายคนอาจมองข้าม แต่สามารถส่งผลต่อการขายได้อย่างไม่คาดคิด โดยรูปภาพสินค้าต้องชัดเจน สวยงาม ดึงดูดความสนใจ ถ่ายจากหลายมุมมอง สามารถแสดงรายละเอียดของสินค้าได้อย่างครบถ้วน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพราะลูกค้าไม่สามารถสัมผัสสินค้าจริงได้ รวมถึงอาจเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ภาพสินค้าด้วยการใช้เอฟเฟกต์ หรือข้อความ โดยอาจมีรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างและเหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มโดยเฉพาะ
5. วางแผนการจัดการในระยะยาว
ตั้งเป้าหมายการขายที่ชัดเจน โดยวางแผนกลยุทธ์การตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า สร้างยอดขาย รวมถึงมีวิธีจัดการคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุมสินค้าคงคลัง จัดส่งสินค้าตรงเวลา และดูแลสินค้าให้คงสภาพดี เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า อีกทั้งยังช่วยลดความสับสนและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการนับสต๊อกลงขายสินค้า ซึ่งในระยะยาว ควรพิจารณาการใช้ระบบ Fulfillment หรือระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ เพื่อให้การเริ่มต้นขายของออนไลน์ของคุณสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมีระบบ รองรับปริมาณคำสั่งซื้อที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต
รวม 5 ไอเดียสำหรับคนไม่รู้จะขายของออนไลน์อะไรดี

ปัญหาโลกแตกสำหรับคนอยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ ก็คือไม่รู้จะขายอะไรดี เพราะการเลือกสินค้าที่ใช่ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด วันนี้เราจึงรวบรวม 5 ไอเดียสินค้าที่น่าสนใจและมีโอกาสเติบโตสูงมาเป็นแนวทางให้คุณ เพื่อให้การเริ่มต้นของคุณง่ายและมั่นใจยิ่งขึ้น
- ขนมและของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงเกรดพรีเมียม : เทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัวกำลังมาแรง การเลือกขายขนมเกรดพรีเมียมสำหรับสัตว์เลี้ยงจึงเป็นตลาดที่น่าสนใจมากในการเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพราะเจ้าของยุคใหม่ยอมจ่ายเพื่อสุขภาพที่ดีและความสุขของสัตว์เลี้ยงแสนรัก
- สกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ : ผู้คนหันมาใส่ใจส่วนผสมและดูแลผิวพรรณกันมากขึ้น สกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะจึงเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง และเหมาะกับการเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพราะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและฐานลูกค้าประจำที่บอกต่อกันได้ง่าย
- ชุดเครื่องหอมและเทียนหอมอโรม่า : ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความผ่อนคลายในบ้านมีมากขึ้น ชุดเครื่องหอมและเทียนหอมอโรม่า จึงเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพราะเป็นสินค้าที่ช่วยสร้างบรรยากาศ และตอบโจทย์ความต้องการด้านอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
- เสื้อผ้าออกกำลังกาย : กระแสรักสุขภาพและการออกกำลังกายยังคงเป็นที่นิยม เสื้อผ้าออกกำลังกายที่มีดีไซน์สวยและฟังก์ชันดี จึงเป็นสินค้าที่มีความต้องการตลอดเวลาและเป็นตัวเลือกที่ดีในการเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพราะลูกค้ามักซื้อซ้ำและมองหาคอลเลคชันใหม่อยู่เสมอ
- อุปกรณ์ทำงาน Ergonomic : การทำงานจากที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติ ทำให้คนตระหนักถึงสุขภาพจากการนั่งทำงานนาน ๆ อุปกรณ์ทำงานที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic) จึงเป็นตลาดที่น่าจับตาและเหมาะกับการเริ่มต้นขายของออนไลน์ เพราะตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานที่ใส่ใจสุขภาพในระยะยาว
แชร์ 4 เคล็ดลับขายของออนไลน์อย่างไรให้ยอดปัง ออเดอร์เข้าอยู่ตลอด

การเพิ่มยอดขายให้ทะลุเป้าและมีออเดอร์เข้าไม่หยุด ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ใช่ เพราะการขายของออนไลน์ให้สำเร็จมีเทคนิคมากกว่าที่คิด มาลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่ายอดขายของคุณจะปังขึ้นอย่างแน่นอน
1. สร้างตัวตนให้แบรนด์โดดเด่นและน่าจดจำ
นอกเหนือจากคุณภาพสินค้า การสร้างเรื่องราวและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้น่าสนใจคือสิ่งสำคัญ กำหนดโทนของร้านค้าให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี ฟอนต์ หรือสไตล์การถ่ายภาพสินค้าที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ จะช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ทันทีท่ามกลางคู่แข่งมากมาย
2. ใช้โปรโมชันอย่างชาญฉลาด สร้างความรู้สึก “ต้องรีบซื้อ”
แทนที่จะลดราคาตลอดเวลา ลองเปลี่ยนมาใช้โปรโมชันที่สร้างความรู้สึกเร่งด่วนและพิเศษ เช่น Flash Sale ในช่วงเวลาสั้น ๆ โค้ดส่วนลดสำหรับผู้ติดตามใหม่ หรือการจัดเซตสินค้าพิเศษ วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ดีกว่า และยังรักษาคุณค่าของแบรนด์ไว้ได้
3. เปลี่ยนลูกค้าขาจรให้เป็นขาประจำด้วยความน่าเชื่อถือ
ความไว้วางใจคือหัวใจของการซื้อซ้ำ พยายามตอบคำถามลูกค้าให้รวดเร็วและใส่ใจ มีช่องทางให้ลูกค้ารีวิวสินค้าอย่างโปร่งใส และกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ (Word of Mouth) ด้วยการบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม เมื่อลูกค้ารู้สึกมั่นใจ พวกเขาก็พร้อมที่จะกลับมาซื้อและแนะนำร้านของคุณ
4. ทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่การขายของ
สร้างคุณค่าให้กับลูกค้าด้วยการให้ความรู้หรือเคล็ดลับที่เกี่ยวกับสินค้าของคุณ เช่น หากคุณขายอุปกรณ์ทำขนม อาจทำคลิปสั้น ๆ สอนเทคนิคการอบเบเกอรี่ หรือหากขายเสื้อผ้าออนไลน์ อาจทำคอนเทนต์แนะนำไอเดียการมิกซ์แอนด์แมตช์ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างมาก เพราะจะช่วยดึงดูดผู้ติดตามใหม่ ๆ และสร้างฐานลูกค้าประจำของแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q : เริ่มต้นขายของออนไลน์ต้องใช้เงินทุนประมาณเท่าไหร่
A : สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 5,000 – 10,000 บาท หากเลือกขายสินค้าที่ไม่ต้องสต๊อก เช่น พรีออเดอร์ หรือ Dropshipping เพื่อทดลองตลาด และอาจจะขยับเงินลงทุนให้เพิ่มมากขึ้นเมื่อเริ่มขายได้
Q : มีวิธีดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้าร้านได้อย่างไรบ้าง
A : เริ่มจากรูปสินค้าที่สวยงาม การทำคอนเทนต์ให้ความรู้ และใช้โปรโมชันดึงดูด เช่น ส่วนลดสำหรับลูกค้าใหม่ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
Q : มือใหม่ควรเริ่มต้นขายของออนไลน์ผ่านช่องทางไหนดีที่สุด
A : ไม่มีช่องทางที่ดีที่สุดตายตัว แนะนำให้เริ่มจาก 1-2 แพลตฟอร์มที่กลุ่มลูกค้าของคุณใช้งานบ่อยที่สุด เช่น สินค้าแฟชั่นเน้น IG/TikTok หรือสินค้าทั่วไปอาจเน้นที่ Shopee/Lazada โดยค่อย ๆ ทดลองตลาด เพื่อให้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราคือใคร
การเตรียมตัวที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่การเลือกสินค้าที่ใช่ การสร้างแบรนด์ให้น่าจดจำ ไปจนถึงการวางแผนการตลาดและการจัดการหลังบ้าน ทุกขั้นตอนล้วนเป็นรากฐานที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
แต่การวางแผนที่ดีเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตและมีออเดอร์มากขึ้น การจัดการหลังบ้านคือความท้าทายต่อไป ที่ Scale Up Fulfillment เรามีบริการ Fulfillment ครบวงจร ที่จะช่วยดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเก็บ แพ็ก ส่ง ด้วยเทคโนโลยี OMS ที่ทันสมัย หากคุณสนใจบริการ Fulfillment เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ดูแลธุรกิจของคุณให้เติบโตไปพร้อมกัน ติดต่อเราได้ที่ โทร. 098-9919356 Facebook : Scaleup Fulfillment Line : Scaleup Fulfillment

Scale Up ผู้นำด้านบริการ Fulfilment ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ดูแลครอบคลุมทุกความต้องการด้านคลังสินค้าสำหรับธุรกิจ E-commerce ทั้งระบบ OMS (Order Management System) ระบบ WMS (Warehouse Management System) และอีกมากมาย ด้วยบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและจัดการออร์เดอร์ เพื่อเสริมยอดขาย พร้อมดูแลร้านค้าออนไลน์ให้ธุรกิจเติบโต