เมื่อธุรกิจออนไลน์เติบโต ปัญหาปวดหัวที่ตามมาคือการจัดการสต๊อกสินค้า ของขาดก็เสียโอกาสขาย ของเกินก็เสี่ยงทุนจม ปัญหานี้แก้ได้ด้วย Inventory Management คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณบริหารการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างลงตัว วันนี้ Scale Up Fulfillment จะมาเจาะลึกว่า Inventory Management คืออะไร และมีเทคนิคอะไรบ้างที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคง
Inventory Management คืออะไร
Inventory Management คือ กระบวนการดูแล วางแผน และควบคุมสินค้าคงคลังทั้งหมดในธุรกิจของคุณ ตั้งแต่การสั่งซื้อวัตถุดิบ การจัดเก็บ จนถึงการส่งสินค้าถึงมือลูกค้า เป้าหมายหลักคือการรักษาระดับสต๊อกให้สมดุลพอดี เพื่อให้มีสินค้าพร้อมขายเสมอโดยใช้ต้นทุนการจัดเก็บที่ต่ำที่สุด หรือเรียกได้ว่า Inventory Management คือ ระบบที่ทำให้การไหลเวียนของสินค้าในธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
ประโยชน์ของในการจัดการสินค้าคงคลังต่อธุรกิจ
การให้ความสำคัญกับ Inventory Management คือ การสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจ เพราะการจัดการสินค้าคงคลังที่ดีจะช่วยให้คุณได้ประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น : ป้องกันปัญหาสินค้าล้นสต๊อก (Overstock) ซึ่งทำให้เงินทุนจมไปกับค่าเช่าพื้นที่และค่าดูแลรักษา และลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสื่อมสภาพ
- ไม่พลาดโอกาสในการขาย : ช่วยให้มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแคมเปญหรือเทศกาลสำคัญ ป้องกันปัญหาสินค้าขาดสต๊อก (Stockout)
- เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน : เมื่อไม่มีเงินทุนจมอยู่กับสินค้าคงคลังที่ไม่จำเป็น ก็สามารถนำเงินไปหมุนเวียนหรือลงทุนในส่วนอื่นเพื่อต่อยอดธุรกิจได้
- วางแผนธุรกิจได้แม่นยำขึ้น : ข้อมูลสต๊อกที่ถูกต้องจากการจัดการสินค้าคงคลัง ช่วยให้คุณวิเคราะห์แนวโน้มและพยากรณ์ยอดขายได้ดีขึ้น นำไปสู่การสั่งซื้อที่เหมาะสม
9 เทคนิคการจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory Management) ที่ต้องรู้

เพื่อให้การบริหารสต๊อกของคุณเป็นเรื่องง่ายและได้ผลลัพธ์ที่ดี ลองนำ 9 เทคนิคการจัดการสินค้าคงคลัง เหล่านี้ไปปรับใช้กันดีกว่า
1. กำหนดระดับสต็อกขั้นต่ำ
กำหนดจำนวนสินค้าขั้นต่ำที่ต้องมีในสต๊อกเสมอ หากจำนวนลดลงต่ำกว่านี้ ก็ถึงเวลาต้องสั่งซื้อเพิ่ม วิธีนี้ช่วยป้องกันปัญหาสินค้าขาดมือได้เป็นอย่างดี ทำให้การจัดการสินค้าคงคลังของคุณไม่สะดุด
2. ใช้หลักการเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO)
สินค้าที่เข้ามาในคลังก่อนควรถูกขายออกไปก่อน (First-In, First-Out) เพื่อลดความเสี่ยงที่สินค้าคงคลังจะเก่าเก็บ หมดอายุ หรือเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะกับสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางหรือ FMCG
3. พยากรณ์ความต้องการ
เพราะ Inventory Management คือ การมองไปข้างหน้าเสมอ ควรวิเคราะห์ข้อมูลการขายย้อนหลัง เทรนด์ตลาด และแผนการตลาดในอนาคต เพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าและเตรียมสินค้าคงคลังให้พร้อมสำหรับทุกโอกาส
4. ตรวจนับสต๊อกเป็นประจำ
อย่ารอตรวจนับสต๊อกแค่ปีละครั้ง การทำ Cycle Count หรือการสุ่มนับสินค้าคงคลังบางรายการเป็นประจำ จะช่วยให้ข้อมูลในระบบตรงกับความเป็นจริงเสมอ ทำให้การจัดการสินค้าคงคลังของคุณแม่นยำ
5. วิเคราะห์ข้อมูลการขาย

ดูว่าสินค้าชิ้นไหนขายดี (Fast-moving) ชิ้นไหนขายช้า (Slow-moving) เพื่อวางแผนการสั่งซื้อและจัดโปรโมชันได้อย่างเหมาะสม เพราะการจัดการสินค้าคงคลังที่ดีต้องอิงจากข้อมูลจริง ไม่ใช่ความรู้สึก
6. จัดการสินค้าที่ขายไม่ออก
อย่าปล่อยให้สินค้าที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมานาน กินพื้นที่และเงินทุนของคุณ ควรวางแผนระบายสินค้าคงคลัง เหล่านี้ออกไป เช่น การจัดโปรโมชันลดราคา การขายแบบพ่วง หรือการบริจาค
7. ใช้เทคนิค ABC Analysis
แบ่งสินค้าคงคลัง เป็น 3 กลุ่มตามมูลค่า เช่น A (มูลค่าสูงสุด, จำนวนน้อย), B (ปานกลาง), และ C (มูลค่าต่ำสุด, จำนวนมาก) เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการดูแลและตรวจนับ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ Inventory Management ที่ดี
8. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์
การมีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้จะช่วยให้คุณยืดหยุ่นในการสั่งซื้อมากขึ้น อาจต่อรองเงื่อนไขการสั่งซื้อในปริมาณน้อยลง หรือขอให้จัดส่งได้รวดเร็วขึ้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดการสินค้าคงคลังโดยรวม
9. นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย
การจัดการสินค้าคงคลังด้วยมือมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดสูง การนำระบบ OMS หรือซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยจะทำให้การติดตามสต๊อกเป็นแบบเรียลไทม์และแม่นยำขึ้นมาก อีกทั้งยังลดภาระงานและทำให้เห็นภาพรวมสต๊อกได้ชัดเจน
ยกระดับ Inventory Management ของคุณด้วย Scale Up Fulfillment
จะเห็นได้ว่าการจัดการสินค้าคงคลัง มีรายละเอียดซับซ้อนและต้องใช้ทั้งเวลาและความเชี่ยวชาญ Scale Up Fulfillment พร้อมเป็นทางลัดสู่ความเป็นมืออาชีพให้คุณ เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อช่วยดูแล Inventory Management ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าสต๊อกสินค้าจะถูกบริหารอย่างดีที่สุด ผ่านระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) และระบบจัดการออเดอร์ (OMS) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อปิดจบทุกปัญหาแบบไร้รอยต่อ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดการสินค้าคงคลัง
Inventory Management ต่างจากการจัดการคลังสินค้า (WMS) อย่างไร
Inventory Management คือ การบริหารตัวสินค้าที่เน้นเรื่องการวางแผน การควบคุมปริมาณ และการวิเคราะห์ข้อมูลสต๊อก ในขณะที่ WMS คือการบริหารพื้นที่คลังสินค้า ที่เน้นเรื่องการจัดการพื้นที่จัดเก็บ และการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลัง
สินค้าคงคลังมีกี่ประเภท
โดยหลักๆ แล้ว สินค้าคงคลัง แบ่งได้หลายประเภท แต่ที่สำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์คือ 1.วัตถุดิบ (Raw Materials), 2.สินค้าระหว่างผลิต (WIP), 3.สินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods), และ 4.วัสดุสิ้นเปลือง (MRO)
ABC Analysis คืออะไร
ABC Analysis คือ เทคนิคการจัดการสินค้าคงคลัง โดยแบ่งสินค้าตามหลัก 80/20 คือ สินค้ากลุ่ม A (ประมาณ 20% ของ SKU) สร้างยอดขายได้ถึง 80% จึงต้องให้ความสำคัญในการดูแลสูงสุด ในขณะที่สินค้ากลุ่ม C มีจำนวนมากแต่มูลค่าโดยรวมน้อยกว่า
การบริหารสินค้าคงคลังที่ดี คือหัวใจของการเติบโตในธุรกิจออนไลน์ การนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้จะช่วยให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับ การจัดการสินค้าคงคลังให้เป็นมืออาชีพและครบวงจร Scale Up Fulfillment พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดูแลทุกขั้นตอนให้คุณ สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขยายธุรกิจของคุณ ติดต่อเราได้ที่ โทร. 098-9919356 Facebook : Scaleup Fulfillment Line : Scaleup Fulfillment