บทความ

แชร์ 9 ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ให้จำง่าย ไม่ซ้ำใคร

เผยแพร่โดย Scale Up Fulfilment Profileวันที่เผยแพร่ : 05/13/2025

ไอเดียการตั้งชื่อร้านออนไลน์ สามารถเริ่มตั้งได้ง่าย ๆ จากสินค้าและจุดเด่นของร้าน

ในยุคที่การค้าขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันยังขยับขยายมาเปิดร้านค้าออนไลน์กันมากมาย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ชื่อร้าน” ไม่เพียงมีไว้ให้ลูกค้าเรียกได้อย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ลูกค้าจดจำ และสะท้อนตัวตนของแบรนด์ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ได้ภายในไม่กี่คำ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจขายของบนโลกออนไลน์ แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะตั้งชื่อร้านอย่างไรให้เปรี้ยงปร้าง เรามีไอเดียการตั้งชื่อร้านออนไลน์ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างการรับรู้ในวงกว้างมาแนะนำกัน

ทำไมการตั้งชื่อร้านออนไลน์ถึงสำคัญ ?

สร้างการจดจำให้ลูกค้า

ยิ่งมีคู่แข่งในตลาดออนไลน์มากเท่าไร ผู้ประกอบการก็ยิ่งต้องสร้างความแตกต่างเพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ของตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการตั้งชื่อร้านให้จำง่ายและคุ้นหู เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์ของเราเมื่อต้องการซื้อสินค้าและบริการ

เพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์

เพราะชื่อร้านเป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ลูกค้ารับรู้ผ่านตัวอักษร ดังนั้น การมีชื่อร้านที่จดจำง่าย แต่ยังคงมีความเป็นมืออาชีพในตัว จึงมีส่วนช่วยในการสร้างความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่กำลังมองหาว่าจะซื้อสินค้าและบริการจากร้านไหนดี

ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง

บทบาทสำคัญของชื่อร้าน คือหน้าที่บ่งบอกตัวตนของแบรนด์ ดังนั้น การมีชื่อร้านที่สื่อถึงภาพลักษณ์ได้อย่างชัดเจน ย่อมสร้างตัวตนของแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาดออนไลน์ได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ

เพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์

เนื่องจากการขายของออนไลน์ เป็นการขายสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มที่มีรูปแบบในการทำการตลาดเฉพาะตัว หากชื่อของร้านมีคีย์เวิร์ด หรือคำ ที่ลูกค้ามักใช้เซิร์ช เพื่อหาข้อมูลของสินค้าและการบริการที่ตัวเองสนใจบนอินเทอร์เน็ต โอกาสที่ลูกค้าจะเจอร้านของเราย่อมมีมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างตรงจุด

9 ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ จดจำง่าย สร้างยอดขายได้จริง

หลังจากทราบกันไปแล้วว่าทำไมการตั้งชื่อร้านออนไลน์ถึงสำคัญ ต่อมาเราจะขอพูดถึง 9 ไอเดียการตั้งชื่อร้านออนไลน์ ที่สร้างความแตกต่าง บ่งบอกตัวตน และจดจำง่าย เพื่อให้แบรนด์สร้างยอดขายได้ ดังนี้

ใช้คำที่บ่งบอกประเภทของสินค้าอย่างชัดเจน

ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ข้อแรก คือการนำประเภทของสินค้าและบริการที่ร้านจำหน่ายมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อ เช่น หากขายรองเท้าผ้าใบ ก็ให้นำคำว่ารองเท้าผ้าใบมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้าน โดยข้อดีของวิธีนี้คือ ทำให้ลูกค้าทราบทันทีที่เห็นชื่อร้านว่าขายสินค้าอะไร และช่วยเอื้อประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะมีคีย์เวิร์ดเป็นส่วนหนึ่งของชื่อร้าน

ใช้คำพ้องเสียงหรือคำคล้องจอง

ในกรณีที่อยากเพิ่มลูกเล่นให้ชื่อร้าน การนำคำพ้องเสียง หรือคำคล้องจองมาใช้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความแตกต่าง เช่น “คอฟฟี่ทอฟฟี่” หรือ “เค้กละมุนอุ่นละไม” เป็นต้น

ใช้คำที่กระตุ้นอารมณ์หรือความรู้สึก

หัวใจสำคัญของไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ด้วยการใช้คำที่กระตุ้นอารมณ์หรือความรู้สึก คือ การสอดแทรกคีย์เวิร์ดที่สื่อให้ลูกค้าเห็นถึงจุดเด่นของร้าน กรณีที่เป็นร้านอาหาร อาจใช้คำที่สื่อถึงรสชาติของเมนูอาหาร หรือบรรยากาศภายในร้าน เช่น “ลาบขมลมโชย” ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นร้านลาบบรรยากาศดี มีลมพัดโชย หรือ “กะเพราพุงกาง” ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นร้านกะเพราที่ให้เยอะจนพุงกาง

ใช้ชื่อส่วนตัวหรือชื่อเล่นเจ้าของแบรนด์

แม้จะเป็นไอเดียที่เห็นได้บ่อยกับร้านค้าที่เปิดมานาน แต่การนำวิธีดังกล่าวมาใช้ตั้งชื่อร้านก็ยังถือว่าไม่ตกยุค เพราะสามารถนำชื่อมาผสมกับสินค้าที่ร้านจำหน่ายจนเกิดเป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร แถมบางครั้งคนส่วนใหญ่ยังจำชื่อร้านที่ตั้งด้วยชื่อเจ้าของได้มากกว่าชื่อร้านจริง ๆ เช่น “เจ๊มิ่งฟาร์มาซี”, “เสื้อมือสองเฮียรบ” และ “แพรวพราวโครเชต์” เป็นต้น

ชื่อร้านที่ดีมีส่วนช่วยสร้างการรับรู้และการเพิ่มยอดขาย

ใช้ชื่อที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่าง

สำหรับใครที่อยากจะบอกต่อจุดขายของสินค้าและบริการผ่านชื่อร้าน ก็สามารถนำจุดขายดังกล่าวมาใช้ตั้งชื่อ เช่น “ส้มตำยำระเบิด” หรือถ้าอยากให้แตกต่างก็สามารถนำชื่อที่ชูเอกลักษณ์ของตัวร้าน โดยยึดจากทำเลที่ตั้ง และสภาพแวดล้อมใกล้ร้าน มาใช้ตั้งชื่อด้วยก็ได้ เช่น “ไอติมถังหลังมอ”

ใช้ชื่อที่สื่อถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ข้อต่อมาจะเน้นการนำเอาจุดเด่น หรือลักษณะร่วมของลูกค้าเป้าหมายมาตั้งเป็นชื่อร้าน ในกรณีที่เปิดร้านขายแผ่นเสียง ก็สามารถหยิบคำที่กลุ่มเป้าหมายรู้จักมาใช้เป็นชื่อร้าน เช่น “สเตอริโอโฟนิก (Stereophonic)” เป็นต้น

ใช้ภาษาพื้นเมืองหรือท้องถิ่น

ไอเดียข้อนี้เหมาะกับร้านที่ขายสินค้าหรือการบริการที่ชูความเป็นท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้กับร้านที่ขายอาหาร รวมไปถึงงานฝีมือขึ้นชื่อของแต่ละภูมิภาค ในกรณีที่ขายอาหารเหนือก็สามารถตั้งชื่อร้านได้ว่า “กิ๋นข้าวกับอุ้ยเน่อ” (กินข้าวกับปู่ย่าตายาย) เพื่อให้ความรู้สึกเป็นกันเอง เสมือนลูกค้าจะได้กินกับข้าวเมืองเหนือรสชาติต้นตำรับ ที่ป้ออุ้ยแม่อุ้ยโชว์ความสามารถสุดฝีมือ เพื่อให้ลูกหลานได้รับประทานของอร่อย

ใช้ภาษาต่างประเทศที่มีความหมาย

ไอเดียตั้งชื่อข้อนี้จะคล้ายกับข้อก่อนหน้า แต่เหมาะกับการนำมาใช้เพื่อตั้งชื่อร้านที่ขายคอนเซปต์จากต่างแดน เช่น ร้านขายเมล็ดกาแฟ “FIKA” (FIKA เป็นวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของประเทศสวีเดน หมายถึงช่วงเวลาพักผ่อนเพื่อจิบเครื่องดื่ม อาทิ ชาหรือกาแฟ กับเพื่อนฝูงและคนในครอบครัว) และร้านขายวัตถุดิบอาหารเกาหลี “추억의 맛 (ชูอ็อกเอมัด)” ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่ารสชาติแห่งความทรงจำ สื่อถึงการใช้กรรมวิธีดั้งเดิมในการทำวัตถุดิบ พอเอามาปรุงแล้วเหมือนได้รับประทานอาหารเกาหลีฝีมืออาจุมม่าจากแดนกิมจิ ทั้งนี้ควรมีชื่อภาษาไทยกำกับไว้ด้วย เพื่อป้องกันการอ่านไม่ออก

ใช้คำที่เป็นสิริมงคล

ปิดท้ายไอเดียการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์กับผู้ประกอบการที่อยากจะเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้แก่ร้าน นั่นคือการหยิบเอาคำที่มีความหมายดี ๆ มาใช้ เช่น “รุ่งเรืองอุปกรณ์ช่าง” “มงคลเฟอร์นิเจอร์” “ร่ำรวยก๋วยเตี๋ยวต้มยำ” เป็นต้น

หวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นไอเดียการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ดี ๆ ที่คุณจะสามารถนำไปปรับใช้ได้ และเมื่อได้ชื่อร้านค้าออนไลน์ที่ตรงใจแล้ว ขั้นตอนต่อมาที่จะลืมไม่ได้เลยคือ การเตรียมบาร์โค้ดหรือฉลากสินค้าให้พร้อมสำหรับการขาย สำหรับใครที่กำลังมองหาเพื่อนคู่คิดและผู้เชี่ยวชาญด้านรับทำสติกเกอร์บาร์โค้ด สามารถมาใช้บริการติดฉลากสินค้าได้ที่ Scale Up เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาด ด้วยการสื่อสารอย่างตรงจุด
ติดต่อ Scale Up วันนี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง LINE ID : https://lin.ee/HPXeKAo หรือโทร. 098 991 9356

ข้อมูลอ้างอิง:

10 ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ สายมู ชื่อมงคลเสริมดวงเฮง ยอดขายพุ่ง. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 จาก https://www.thairath.co.th/horoscope/belief/2723563

Scale Up Fulfilment Profile

Scale Up ผู้นำด้านบริการ Fulfilment ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ที่ดูแลครอบคลุมทุกความต้องการด้านคลังสินค้าสำหรับธุรกิจ E-commerce ทั้งระบบ OMS (Order Management System) ระบบ WMS (Warehouse Management System) และอีกมากมาย ด้วยบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจและจัดการออร์เดอร์ เพื่อเสริมยอดขาย พร้อมดูแลร้านค้าออนไลน์ให้ธุรกิจเติบโต

บทความอื่นๆ

เทียบ Marketplace กับ Social Commerce ในไทย เลือกแบบไหนดี ?

สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาช่องทางออนไลน์ในการขายของ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ คงมีความลังเลใจว่าจะเลือกขายสินค้าผ่านช่องทางไหนดีระหว่าง Online Marketplace กับ Social Commerce Platform เพื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น เราจะมาบอกข้อดี ข้อจำกัด และมีเคล็ดลับเพื่อประกอบการตัดสินใจพัฒนาระบบจัดการคลังสินค้าให้สอดรับกับการค้าขายในโลกออนไลน์ Online Marketplace คืออะไร ? Online Marketplace คือ ช่องทางการขายออนไลน์ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเปิดพื้นที่ให้ร้านค้าสามารถวางขายสินค้าได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้านจริง ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในไทย ได้แก่ Lazada และ Shopee ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลายประเภทในที่เดียว Online Marketplace มีอะไรบ้าง ? ตัวอย่าง Online Marketplace ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อและผู้ขายของออนไลน์ในไทย เช่น ข้อดีของ Online Marketplace ข้อจำกัดของ Online Marketplace Social Commerce Platform คืออะไร ? Social Commerce Platform คือ การขายสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย […]

สินค้าคงคลัง 4 ประเภท: จัดการอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

ในทุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ขายปลีก หรือ E-commerce หนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญที่สุดและส่งผลโดยตรงต่อกำไร คือสินค้าคงคลัง หรือ Inventory ซึ่งการบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างถูกต้องและแม่นยำไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในภาพรวม ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเป็นมืออาชีพ สินค้าคงคลัง คืออะไร ? สินค้าคงคลัง (Inventory) คือทรัพยากร หรือวัตถุดิบที่เก็บไว้ในคลังสินค้าเพื่อรอการใช้งาน ผลิต หรือจำหน่ายในอนาคต โดยครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบ (Raw Materials) สินค้าที่อยู่ระหว่างกระบวนการผลิต (WIP) ไปจนถึงสินค้าสำเร็จรูปที่พร้อมจำหน่าย ซึ่งการควบคุมสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมนั้นจะส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดการผูกมัดเงินทุนจากการสต๊อกเกิน หรือการสูญเสียโอกาสขายจากการขาดสต๊อก สินค้าคงคลังมีกี่ประเภท ? ตามมาตรฐานการจัดการซัพพลายเชน สินค้าคงคลังสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่าย ได้แก่ ทำไมการจัดการสินค้าคงคลังถึงสำคัญ ? การบริหารสินค้าคงคลังที่ดีจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจในหลายมิติ ดังนี้ ลดต้นทุนจากการสต๊อกเกินความจำเป็น เมื่อสินค้าคงคลังมากเกินไป เงินทุนจะจมอยู่ในสต๊อก ทำให้เสียโอกาสในการลงทุนด้านอื่น นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเสื่อมคุณภาพ เช่น สินค้าหมดอายุ หรือตกรุ่น ป้องกันการขาดสต๊อก ทำให้ไม่พลาดโอกาสในการขาย การขาดสต๊อกไม่เพียงทำให้เสียรายได้ แต่ยังอาจส่งผลให้ลูกค้าหันไปใช้บริการคู่แข่ง การมีระบบแจ้งเตือนเมื่อสต๊อกใกล้หมดจึงเป็นสิ่งจำเป็น […]

เข้าใจเพื่อจัดการคลัง ! Inbound Outbound Logistics คืออะไร ?

สำหรับธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม E-commerce และการจัดส่งสินค้า ระบบโลจิสติกส์ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งภายในโลจิสติกส์มี 2 คำสำคัญที่ทุกคนควรรู้จัก ได้แก่ Inbound และ Outbound การเข้าใจความหมายและหน้าที่ของทั้ง 2 คำนี้ว่าคืออะไรจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถบริหารคลังสินค้า จัดส่งสินค้า และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Inbound Logistics คืออะไร ? Inbound Logistics คือ กระบวนการบริหารสินค้าที่ “ไหลเข้า” สู่คลังสินค้า หรือองค์กร โดยครอบคลุมตั้งแต่การรับสินค้าจากซัพพลายเออร์ การตรวจสอบความถูกต้องของคุณภาพและปริมาณเพื่อบันทึกเข้าระบบ ไปจนถึงการจัดเก็บเข้าตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการสร้างความเป็นระเบียบให้แก่ระบบคลังสินค้า และเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ความสำคัญของ Inbound Logistics การจัดการ Inbound Logistics ที่มีประสิทธิภาพช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดเก็บสินค้า ทำให้การค้นหาและหยิบสินค้า (Picking) เป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันปัญหาสินค้าสูญหายหรือสต๊อกไม่ตรงตามระบบ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้าในระยะยาว ขั้นตอนของ Inbound Logistics Outbound Logistics คืออะไร ? Outbound […]